“ตัว Lin เอง ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ตบตีกับโรงงานจีนมาอย่างโชกโชน เยอะมาก ยาวนานมากกก ซึ่งคนที่เริ่มเข้ามาทำงานสายนี้อาจจะนึกว่าง่าย ๆ แต่เดี๋ยว Lin จะเล่าให้ฟังค่ะ”
ประสบการณ์จริงจาก Lin ที่อยากแบ่งปัน
Lin เชื่อว่าในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเข้าใจและเลือกโรงงานซัพพลายจากจีนอย่างถูกต้องคือ กุญแจสำคัญในการเติบโตและประสบความสำเร็จ
ขอเท้าความก่อนนะคะว่า หลายคนรู้จัก Lin ที่เป็นสตรีมเมอร์ใน Twitch.tv ยุคแรก ๆ ของไทย ซึ่งน้อง ๆ หลายคนยังไม่รู้ว่า Lin มีอีกบทบาทหนึ่ง คือ เป็นเจ้าของบริษัทบริการซอสซิ่งสินค้าและซัพพลายไทย-จีน เรามีโกดังสำหรับบริการชิปปิ้ง และเป็นผู้ดูแลลูกค้าบริษัทใหญ่ ๆ ในประเทศไทย
โดย Lin ใช้เวลามากกว่า 10 ปีในการเรียนรู้ ลองผิดลองถูก และเผชิญทั้งความล้มเหลวและความสำเร็จ เก็บเกี่ยวประสบการณ์คู่กับลูกค้าของเรา มีทั้งดีลที่มีอุปสรรค์ ดีลที่ผิดพลาด จนกระทั่งดีลที่สร้างความสำเร็จให้ลูกค้าของเราได้ร้อยล้าน-พันล้าน วันนี้จึงอยากแบ่งปันในโลกธุรกิจปัจจุบันที่การแข่งขันสูง การเลือกโรงงานซัพพลายจีนเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถกำหนดทิศทางความสำเร็จของธุรกิจคุณได้
“จึงเป็นเหตุผลที่ Lin เขียนบทความนี้ขึ้นมา เพื่อส่งต่อประโยชน์ให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่สามารถต่อยอดความสำเร็จได้ โดยไม่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์เหมือนที่เราเคยผ่านมา”
(🤧 ฟรืดด… เสียงน้ำมูกค่ะ ตอนนี้ภูมิแพ้ขึ้นอีกแล้ว ตอนอยู่จีนนี่ไม่เคยเป็นค่ะ พอกลับมาไทยที-ก็เข้ารพ.ที-อีดอก)
วิธีการเลือกโรงงานจีน ต้องให้ความสำคัญกับปัจจัยดังต่อไปนี้:
1. กำลังการผลิต: สายพานสำคัญของความสำเร็จ
โรงงานจีนที่คุณเลือกควรมีกำลังการผลิตที่สอดคล้องกับความต้องการของธุรกิจคุณ ตั้งแต่ในสถานการณ์ปกติจนถึงช่วงที่ยอดขายพุ่งสูง ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการเพิ่มคำสั่งซื้ออีก 50%-200% ในระยะเวลาอันสั้น โรงงานต้องสามารถรองรับการผลิตได้โดยไม่ลดคุณภาพ การตรวจสอบกำลังการผลิตควรเป็นหนึ่งในข้อแรกที่คุณพิจารณา ว่าโรงงานนั้นมีกำลังผลิตต่อรอบ หรือต่อเดือน ที่จำนวนเท่าไร
“โรงงานที่ดีต้องพร้อมรับมือกับทุกการเติบโตของธุรกิจคุณ”
2. คุณภาพและมาตรฐานการผลิต: สินค้าดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
การตรวจสอบคุณภาพการผลิตเป็นสิ่งสำคัญ โรงงานที่ดีควรมีนวัตกรรมที่เหนือกว่าความต้องการของคุณ เช่น หากคุณสั่งผลิตแก้วน้ำลายปลาดาว โรงงานควรสามารถนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายทั้งในด้านสี ขนาด และรูปแบบใหม่ ๆ การพิจารณามาตรฐานเหล่านี้ช่วยให้คุณมั่นใจในคุณภาพสินค้าและเพิ่มโอกาสในการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง แต่ถ้าเราไปเจอโรงงานที่ทำได้เท่าที่เราต้องการ ไม่มีความยืดหยุ่นอะไรเพิ่มเติมเลย อันนี้ก็เก็บไว้เป็นตัวเลือกท้าย ๆ ได้
“คุณภาพสินค้าเป็นสิ่งที่สะท้อนความสำเร็จของธุรกิจในระยะยาว”
3. ใบรับรอง (Certificate): หลักฐานความน่าเชื่อถือ
โรงงานจีนที่น่าเชื่อถือควรมีใบรับรองมาตรฐาน เช่น ISO, FDA, หรือ BSCI ซึ่งสามารถแสดงให้คุณตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส โรงงานที่ดีจะส่งให้เราตรวจเช็คโดยที่เราไม่ต้องร้องขอ การมีเอกสารเหล่านี้ช่วยยืนยันว่าโรงงานมีมาตรฐานการผลิตที่สอดคล้องกับกฎระเบียบสากล ทั้งนี้ควรระวัง Portfolio ที่อาจไม่ได้สะท้อนความเป็นจริง เนื่องจากเป็นเรื่องที่ตรวจสอบยาก ยิ่งด้วยความเป็นบริษัทต่างชาติด้วย ใครจะเขียนอะไร ใส่โลโก้ของใคร เราไม่มีทางรู้ว่าจริงหรือไม่ ควรเน้นดูเอกสารรับรองและการปฏิบัติงานจริงเป็นหลักสำคัญค่ะ
“ใบรับรองคือประตูบานแรกที่เปิดไปสู่ความไว้วางใจ”
4. การเข้าชมกระบวนการผลิต: พิสูจน์ความโปร่งใส
โรงงานที่ดีควรเปิดโอกาสให้คุณเข้าชมกระบวนการผลิตและการควบคุมคุณภาพอย่างละเอียด คุณควรตรวจสอบขั้นตอนต่าง ๆ เช่น วัตถุดิบที่ใช้ การจัดการคุณภาพ และความสะอาดของพื้นที่การผลิต การเข้าชมโรงงานไม่เพียงช่วยเพิ่มความมั่นใจ แต่ยังช่วยให้คุณสามารถเปรียบเทียบโรงงานหลายแห่งได้อย่างแม่นยำ โรงงานจีนหลาย ๆ แห่งมีส่งภาพให้เราดู แต่อิดออดเมื่อเราจะไปขอชมโรงงาน ให้เราคิดไว้ก่อนว่าอาจจะเป็นโรงงานผีค่ะ
“การเห็นด้วยตาเป็นสิ่งที่ยืนยันคำพูดของโรงงานได้ดีที่สุด”
5. ทีมงานที่พาชมโรงงาน: ตัวแปรสำคัญของความเข้าใจ
ทีมงานของโรงงานควรมีความรู้เชิงลึกและเชี่ยวชาญในสายการผลิตของตน หากคุณพบทีมงานที่ไม่สามารถตอบคำถามได้อย่างชัดเจน หรือไม่มีข้อมูลในส่วนสำคัญ เราก็ควรเตรียมใจไว้ว่าไม่ใช่โรงงานที่ดีที่เราตามหาและนั่นอาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะในธุรกิจเฉพาะทาง เช่น อุตสาหกรรมอาหาร เจ้าหน้าที่ของโรงงานจีนต้องอธิบายเจาะลึกด้านความสะอาดสุขอนามัยได้เป็นพิเศษด้วย หรืออย่างงานพวกอะไหล่รถใหญ่ อุตสาหกรรมหนัก เจ้าหน้าที่โรงงานต้องมีความรู้ความปลอดภัยที่แน่นเป็นพิเศษ
เราเองที่เป็นเจ้าของกิจการจะต้องระวัง เพราะบ่อยครั้ง Lin เองก็เจอเจ้าหน้าที่ที่ถาม A. ตอบ ก. ถาม B. ตอบ 1. อยู่บ่อย ๆ
“ทีมงานที่มีความรู้เปรียบเสมือนแสงสว่างที่ช่วยชี้นำการตัดสินใจ”
6. เงื่อนไขการชำระเงิน: ความยืดหยุ่นที่ส่งเสริมความมั่นคง
โรงงานจีนที่ดีควรเสนอเงื่อนไขการชำระเงินที่ยืดหยุ่น เช่น เครดิตเทอม 30-45 วัน ถือว่ากำลังดี ยิ่งถ้าโรงงานนั้นมีการใช้ LC (Letter of Credit) ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจในการทำธุรกิจร่วมกัน หากโรงงานมีข้อเสนอที่โปร่งใสในส่วนนี้ แสดงถึงความมั่นคงทางการเงินและความจริงใจ
“เครดิตรเทอมที่ต่อรองได้ เป็นข้อดีแบบติดปลายนวมที่เราสามารถให้คะแนนบวกกับโรงงานจีนนั้น ๆ ได้”
7. จำนวนขั้นต่ำ (MOQ): เงื่อนไขที่เหมาะสม
เงื่อนไขการสั่งซื้อขั้นต่ำ (MOQ) ควรสอดคล้องกับความต้องการของคุณ ตัวอย่างเช่น หากธุรกิจของคุณต้องการสินค้า 100,000 ชิ้น แต่โรงงานมี MOQ สูงเกินไป อาจเป็นอุปสรรคต่อการร่วมงาน คุณควรตรวจสอบและเจรจาเงื่อนไขนี้ตั้งแต่แรก
“MOQ ที่ยืดหยุ่นไม่ได้ช่วยแค่การเริ่มต้น แต่ยังสร้างโอกาสเติบโตที่มั่นคงร่วมกัน”
8. ใบอนุญาตการค้า: การตรวจสอบความถูกต้อง
ผู้ประกอบการต้องไม่ลืมตรวจสอบใบอนุญาตการค้าของโรงงานซัพพลายทุกครั้ง หนังสือจดทะเบียนบริษัท เอกสารกรมการค้า และใบอนุญาตส่งออก ควรถูกตรวจสอบอย่างละเอียดเสมอเพื่อป้องกันการเจอ “โรงงานผี” รวมทั้งคุณควรตรวจสอบว่าเลขบัญชีและเอกสารทั้งหมดตรงกันและเป็นของโรงงานจริง
“การตรวจสอบใบอนุญาตคือการป้องกันความเสี่ยงที่มองไม่เห็น”
9. ความสามารถในการสื่อสารของโรงงาน
การสื่อสารเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเข้าใจผิดระหว่างคุณและโรงงาน โรงงานที่ดีควรมีทีมที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี หรือหากโรงงานใช้เพียงภาษาจีน คุณควรมีผู้ช่วยหรือที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญด้านภาษาจีนธุรกิจ เพื่อช่วยให้การเจรจาเป็นไปอย่างราบรื่น การใช้ล่ามทั่วไปที่ไม่มีความเข้าใจในบริบทธุรกิจและมุมมองของผู้ประกอบการอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ หากหาไม่ได้จริง ๆ สามารถติดต่อ BUBULAALAA ได้ค่ะ
“การสื่อสารที่ชัดเจนเป็นสะพานที่เชื่อมความสำเร็จของทั้งสองฝ่าย”
10. คุณภาพงานบริการ: บริการที่เกินความคาดหวัง
โรงงานจีนที่ดีควรให้บริการที่ใส่ใจและจริงใจ เช่น การติดตามงานและการพยายามเข้าใจความต้องการของคุณ หากโรงงานมีความมุ่งมั่นในส่วนนี้ นั่นแสดงถึงความพร้อมที่จะเป็นพันธมิตรระยะยาว
“บริการที่ดีไม่ได้จบแค่การส่งสินค้า แต่เริ่มต้นที่ความใส่ใจในความต้องการของลูกค้า”
11. ความซื่อสัตย์และคำมั่น: หัวใจสำคัญของความสัมพันธ์ทางธุรกิจ
โรงงานจีนที่ดีควรสามารถแสดงความจริงใจผ่านการทำตามคำมั่นสัญญา เช่น การส่งเอกสารตรงเวลา การปฏิบัติตามขั้นตอนที่ตกลงไว้ และการส่งมอบสินค้าที่สอดคล้องกับมาตรฐานที่กำหนด Process ทุก ๆ อย่างเราได้รับมาตามตกลงไหม Lin ขอเสริมนิดนึงว่า ที่คนไทยสายโรงงานชอบรีวิวกันว่าวัฒนธรรมจีนไม่มีระบบ ตรงนี้มีส่วนจริง แต่ที่เราจะแนะนำคือ หาโรงงานที่มีระบบให้เจอ มันมีจริง และไม่น้อยด้วย
“การเลือกโรงงานที่มีระบบชัดเจนและซื่อสัตย์จะช่วยลดความเสี่ยงในระยะยาว”
12. การให้ตัวอย่างสินค้า
โรงงานที่ดีควรสามารถให้ตัวอย่างสินค้าได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นตัวอย่างที่ขายหรือให้ฟรี การรับตัวอย่างสินค้าในขั้นเริ่มต้นช่วยให้คุณมั่นใจในคุณภาพและสามารถปรับปรุงสินค้าก่อนเริ่มการผลิตจริงได้ การรับตัวอย่างในทุกขั้นตอนยังแสดงถึงความพร้อมและความใส่ใจของโรงงาน เช่น
เมื่อเราไปเยี่ยมโรงงานครั้งแรก: อาจจะเป็นตัวอย่างที่หลากหลาย แสดงให้เราเข้าใจเทคนิคการผลิต
เมื่อสั่งสินค้าต้นแบบ: โรงงานมักส่งตัวอย่างมาให้ตรวจสอบหลายรอบ เพื่อให้มั่นใจก่อนเริ่มการผลิตจริง กระบวนการนี้ช่วยลดข้อผิดพลาดและสร้างความมั่นใจในคุณภาพของสินค้า
การปรับปรุงแบบในแต่ละครั้ง: เมื่อสั่งผลิตรอบใหม่ ผู้ประกอบการมักพัฒนาสินค้าให้ดียิ่งขึ้น โรงงานที่พร้อมปรับตัวและส่งตัวอย่างให้ตรวจสอบ แม้ยังไม่มีคำสั่งซื้อใหม่ แสดงถึงความเป็นมืออาชีพและความตั้งใจในการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจระยะยาว
“ตัวอย่างสินค้าไม่ใช่แค่ต้นแบบ แต่คือการสร้างความมั่นใจในคุณภาพของสินค้า”
13. สัญญาซื้อขายและการรับประกัน
ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบสัญญาซื้อขายและเงื่อนไขการรับประกัน การมีทีมนักกฎหมายที่เชี่ยวชาญช่วยลดความเสี่ยงในการเจอข้อผิดพลาด การร่างสัญญาที่ครอบคลุมช่วยปกป้องผลประโยชน์ของคุณได้ในระยะยาว บ่อยครั้งที่ Lin พบว่า การที่ผู้ประกอบการเสียเปรียบเพราะข้ามขั้นตอนนี้ และเกิดความผิดพลาดกลายเป็นผู้ประสบภัยก็บ่อย ขอให้รัดกุมและละเอียดถี่ถ้วยในภาคเอกสารด้วยนะคะ
“สัญญาที่ชัดเจนคือเกราะป้องกันของความสำเร็จทางธุรกิจ”
ทั้งหมดนี้เป็นวิธี “การเลือกโรงงานจีน” ที่ Lin นำมาแบ่งปันกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อท่านผู้ประกอบการ ไม่ต้องไปลองผิดลองถูกให้เสียเวลา ขอให้ทุกท่านทำเป็นเช็คลิตส์ก่อนออกเดินทางไปยังโรงงานจีน และไม่ลืมที่จะหยิบออกมาไล่เป็นข้อ ๆ ที่หน้างานนะคะ คนจีนอ่านภาษาไทยไม่ออก มีเพียงเราและเลขาจีนของเราที่จะช่วยให้เราเก็บดีเทลต่าง ๆ มาได้อย่างครบถ้วน
“ขอให้กิจการของทุกท่านประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างยั่งยืนค่ะ”