การขนส่งแบบ CIF (Cost, Insurance, and Freight) หลาย ๆ ท่านอาจจะเกิดคำถามว่า การขนส่งประเภทนี้สะดวกสุด คุ้มสุด จริงหรือไม่? ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า การขนส่งนั้นมีหลายประเภท แต่สำหรับประเภท CIF ถือว่าตอบโจทย์สำหรับผู้ซื้อรายใหม่ ๆ ที่ยังไม่มีประสบการณ์ ในเรื่องของการซื้อของจากต่างแดนและนำเข้า ซึ่งการขนส่งแบบ CIF นั้นเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ซื้อตรงที่ ผู้ซื้อไม่ต้องเดินเรื่องเอกสารใด ๆ ในฝั่งของประเทศที่เรานั้นซื้อ เพราะส่วนนี้ทางด้านของผู้ขายจะเป็นผู้รับผิดชอบให้เราทั้งหมด ทั้งเรื่องการขนส่ง ภาษี และค่าความเสียหาย จากฝั่งต้นทาง ผู้ซื้อเพียงแค่รอรับสินค้า และรับผิดชอบในส่วนของปลายทางเท่านั้น แล้วหน้าที่ของผู้ซื้อและผู้ขายของการส่งของในรูปแบบ CIF นั้นมีอะไรบ้าง และการส่งของแบบ CIF มีข้อดีอย่างไร มาดูกัน
“CIF คืออะไร? ไม่ต้องกังวล เพราะถ้าคุณเคยสับสนกับการนำเข้าและส่งออก บทความนี้จะเปลี่ยนความคิดของคุณให้เข้าใจว่าความสะดวกสบายที่แท้จริงเริ่มต้นได้อย่างไร”
หน้าที่ของผู้ขาย (Exporter/ผู้ส่งออก)
1. จัดเตรียมสินค้าและบรรจุภัณฑ์
หน้าที่ของผู้ขายก็คือ การจัดเตรียมสินค้าที่สั่งซื้อให้แก่ผู้ซื้อ โดยทางผู้ขายจะต้องทำการแพ็กสินค้าและส่งออกให้กับผู้ซื้อตามที่ได้ระบุแจ้งเอาไว้ และในส่วนนี้ ทางผู้ขายเองจะต้องเป็นคนดูแลในเรื่องของการขนส่งและเลือกบริการขนส่งให้กับผู้ซื้อ พร้อมกับทำประกันภัยสินค้าให้กับผู้ซื้อให้ครบตั้งแต่ต้นทางการขนส่ง เพื่อป้องกันการเสียหายหรือความเสี่ยงระหว่างทาง
2. ดำเนินการผ่านพิธีการศุลกากรขาออก
แน่นอนว่าเมื่อของที่ผู้ซื้อสั่งไปทางผู้ขาย ผู้ขายจะต้องทำการเดินเรื่องของการส่งของออกและจะต้องติดต่อทางศุลกากรขาออก ให้ถูกต้องตามกฏหมายและเดินเรื่องเอกสารให้เรียบร้อย โดยในส่วนนี้ทางผู้ขายต้องเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด
3. ค่าขนส่งทางเรือ
ในส่วนของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด จากต้นทางอย่างที่ได้บอกไป ทางผู้ขายต้องเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด รวมไปถึงค่าขนส่งทางเรือด้วยเช่นกัน โดยผู้ขายต้องรับผิดชอบค่าขนส่งทางเรือ ตั้งแต่ต้นทางไปถึงปลายทางท่าเรือของผู้ซื้อเลยทีเดียว
4. จัดหาประกันภัยสินค้า
มาถึงในส่วนของการคุ้มครองสินค้าระหว่างการขนส่ง แน่นอนว่าการเดินทางของสินค้าย่อมมีความเสี่ยง และเรื่องของการขนส่งก็เช่นกัน โดยทั่วไปแล้วนั้นการขนส่งทางเรือ ผู้ขายต้องทำการจัดการซื้อประกันภัยสินค้าให้กับผู้ซื้อ เพื่อความสะดวกและสร้างความมั่นใจให้กับคู่ค้าว่าสินค้าที่ส่งมาให้ปลายทางมีการคุ้มครองเรื่องความเสียหายนั่นเอง และในส่วนนี้เรื่องค่าใช้จ่ายส่วนนี้ทางผู้ขายต้องเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมดเช่นกัน โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะต้องคุ้มครองขั้นต่ำตามข้อกำหนดมาตรฐาน (Institute Cargo Clauses C) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้ซื้อต้องทำความเข้าใจเรื่องของการคุ้มครองสินค้า สินค้าจะถูกคุ้มครองสิ้นสุดลง เมื่อผู้ขายได้ทำการถ่ายโอนสินค้าขึ้นเรือ โดยหากว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นจากนี้ ทางผู้ซื้อจะต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบเองทั้งหมด
“ประกันภัยสินค้าอาจเป็นเรื่องที่ผู้ขายจัดการให้ แต่ความเข้าใจในข้อกำหนดและขอบเขตความคุ้มครองคือสิ่งที่ผู้ซื้อไม่ควรมองข้าม”
หน้าที่ของผู้ซื้อ (Importer/ผู้นำเข้า)
มาถึงหน้าที่ของผู้ซื้อกันบ้าง จะต้องรับผิดชอบหรือต้องเตรียมการอย่างไรกับการเลือกการขนส่งแบบ CIF เราได้คัดข้อเด่น ๆ ที่เหล่าผู้ซื้อทั้งหลายควรรู้ จะมีอะไรบ้างมาดูกัน
1. ค่าธรรมเนียมและภาษีนำเข้า
แน่นอนว่าเมื่อมีการสั่งซื้อสินค้าเกิดขึ้นและเมื่อสินค้าได้ทำการจัดส่งมาที่ปลายทาง สิ่งที่ผู้ซื้อต้องรับผิดชอบต่อจากนี้ก็คือ การจ่ายค่าธรรมเนียมภาษีนำเข้า ส่วนนี้จะขึ้นอยู่กับสินค้าที่เราสั่งมาว่าเป็นสินค้าประเภทไหน ผู้ซื้อควรศึกษาค่าธรรมเนียมของสินค้าที่ตัวเองสั่งซื้อว่ามีค่าธรรมเนียมเท่าไหร่ และควรเดินเรื่องของเอกสารนำเข้าสินค้าให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันปัญหาตามาภายหลัง
2. จัดการขนส่งสินค้าจากท่าเรือปลายทางถึงที่หมาย
ทันทีที่สินค้ามาถึงที่ท่าเรือ หรือรูปแบบการขนส่งที่ทางผู้ขายได้เลือกมาให้ ทันทีที่มีการขนสินค้าลงจากเรือ ทางผู้ซื้อต้องเป็นคนรับผิดชอบเรื่องของการขนส่งต่อไป นั่นหมายความว่า ผู้ซื้อต้องติดต่อและเดินเรื่องของขนส่งไปยังโกดัง และค่าใช้จ่ายเหล่านี้ผู้ซื้อต้องเป็นคนรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว
3. ความเสี่ยงหลังจากสินค้าขึ้นเรือ
และข้อสุดท้ายที่ผู้ซื้อต้องจำให้ขึ้นใจในเรื่องของความเสี่ยง แน่นอนว่าเมื่อต้นทางอย่างผู้ขายได้ทำการซื้อประกันภัยไว้ให้ก็จริง แต่เรื่องของความเสี่ยงการขนส่งนั้น ผู้ซื้อต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบต่อจากผู้ขาย เมื่อสินค้าได้ลงมาที่เรือ ซึ่งในส่วนนี้ผู้ซื้อไม่สามารถที่จะเอาผิดจากผู้ขายได้ เพราะอาจจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันระหว่างการเดินทางได้เช่นกัน
“อย่าลืมว่าความเสี่ยงไม่ได้จบลงที่ประกันจากผู้ขาย แต่เริ่มต้นเมื่อสินค้าขึ้นเรือ ความพร้อมของคุณคือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด”
ข้อดีของการขนส่งแบบ CIF
-
การขนส่งแบบ CIF ผู้ซื้อไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้นทาง เพราะความรับผิดชอบเป็นของผู้ขาย ผู้ซื้อรับผิดชอบเพียงแค่ส่วนของปลายทางในเรื่องของการขนส่งสินค้าไปยังโกดังที่เก็บหรือปลายทางอื่นๆตามที่ผู้ซื้อต้องการ
-
การขนส่งแบบ CIF มีประกันภัยสินค้าครอบคลุมเพื่อป้องกันความเสียหายระหว่างการขนส่ง
-
การขนส่งแบบ CIF เหมาะกับผู้ซื้อที่ต้องการเพียงแค่รับของและไม่ต้องการยุ่งยากเลือกการขนส่งที่ต้นทาง เพราะทางผู้ขายเป็นผู้ดำเนินการและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้กับผู้ซื้อนั่นเอง
การขนส่งแบบ CIF เหมาะสำหรับบุคคลที่ไม่ต้องการดำเนินเรื่องเองจากฝั่งต้นทาง เพียงแค่คอยรับของที่ปลายทาง และรับผิดชอบในส่วนของภาษีและค่าขนส่งไปยังปลายทางสุดท้ายเท่านั้น ซึ่งต่างจากการขนส่งแบบ FOB ที่จะมีหลายขั้นตอนที่ทางผู้ซื้อต้องดำเนินการ แต่ถึงอย่างไรแล้วทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้ซื้อควรเลือกคู่ค้าที่เชื่อถือได้และมั่นใจว่าส่งของจริงไม่มีประวัติเสีย จะทำให้การสั่งซื้อของต่างแดนของท่านเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยขึ้น 100%