สวัสดีค่ะวันนี้ LIN อยากมาแชร์ประสบการณ์การทำธุรกิจนำเข้าสินค้า ซึ่งต้องใช้บริการ Freight Forwarder อยู่ตลอด หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ที่กำลังเริ่มต้นธุรกิจนำเข้า หรือคนที่อาจจะยังไม่มั่นใจว่าตัวเลือกที่ใช้อยู่ดีพอหรือเปล่า ก่อนที่เราจะไปดูว่า freight forwarder ที่ดีต้องเลือกจากอะไรบ้าง ไปทำความรู้จักกับ freight forwarder กันก่อนค่ะว่าคืออะไร
Freight Forwarder คือใคร? ทำไมเราต้องใช้บริการ?
Freight Forwarder คือบริษัทตัวกลางที่ช่วยจัดการกระบวนการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศให้เราแบบจบครบทุกขั้นตอนจนสินค้าถึงมือผู้รับ ตั้งแต่การเตรียมเอกสาร เคลียร์ศุลกากร ไปจนถึงจัดส่งสินค้าถึงมือลูกค้า ซึ่งครอบคลุมทั้งการขนส่งทางอากาศ ทางเรือ และทางบก
พูดง่าย ๆ คนที่คอยช่วยทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ก็คือ Freight Forwarder นี่เอง เพราะบริษัทที่ทำด้านนี้เค้ามีความรู้และเข้าใจขั้นตอนต่าง ๆ ได้อย่างดี เราไม่ต้องไปทำเองให้เสียเวลา แต่ที่สำคัญก็คือต้องเลือกบริษัทที่น่าเชื่อถือ มั่นใจได้ และเป็นมืออาชีพด้านนี้จริง ๆ ไม่งั้นอาจเกิดความเสียหายมหาศาลได้เลย
ทำไม Freight Forwarder ถึงสำคัญ?
การนำเข้าสินค้านอกจากจะดูโรงงานผลิตแล้ว อีกส่วนที่สำคัญมาก คือการนำสินค้าส่งถึงปลายทางได้อย่างครบถ้วน ปลอดภัย เพราะถึงแม้ว่าเราจะได้โรงงานที่ผลิตสินค้ามีคุณภาพ แต่ไม่มีบริษัทที่ช่วยให้เราจัดการด้านการขนส่งและพิธีการศุลกากรให้กับเรา ทำให้เราเจอปัญหาส่งไม่ถึงมือปลายทางตรงเวลา เอกสารผิด หรือสินค้าชำรุด นั่นอาจทำให้เราสูญเสียลูกค้าและเสียโอกาสในธุรกิจค่ะ
การมี Freight Forwarder ที่ดีเหมือนมี “ผู้ช่วยมืออาชีพ” ที่ทำให้ทุกอย่างราบรื่นและลดความเสี่ยงได้มากค่ะ
จากประสบการณ์ที่ทำงานด้านนำเข้าสินค้าจากจีนมามากกว่า 10 ปีนะคะ ก็ลองผิดลองถูก เจอ Freight Forwarder มาก็หลายเจ้า มีทั้งถูกใจและไม่ถูกใจ จัดการทุกอย่างได้รวดเร็วและบางเจ้าก็ติดขัดอะไรหลายอย่าง เรียกได้ว่าบริษัทดี ๆ ก็มีเยอะ แต่ที่ไม่เชี่ยวชาญด้านนี้ก็มีมากเหมือนกัน จึงจำเป็นต้องศึกษาดี ๆ ค่ะ ไม่งั้นจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของเเราเป็นอย่างมาก เสียทั้งเวลา ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้น แถมโอกาสเสียลูกค้าก็มีสูงมาก ถ้าจะเลือกแล้วเอาบริษัทที่ทำได้ครบ จบทุกปัญหา ดูแลได้ทั้งระบบภายในที่เดียวไปเลยดีที่สุด
เคล็ดลับการเลือก Freight Forwarder
1.ความน่าเชื่อถือและใบประกอบการ
-
ใบอนุญาตประกอบการ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าว่าบริษัทมีใบอนุญาตประกอบการที่ถูกต้องตามกฎหมาย
-
มีความมั่นคงทางการเงิน: และประวัติการทำงานที่ดี
2.บริการครบวงจร
-
ตัวเลือกการขนส่ง: บริษัทที่ดีควรมีบริการแบบครบวงจร เช่น Ex-Work, FOB, CF, CNS ให้เราสามารถเลือกวิธีการขนส่งที่เหมาะสมกับสินค้าของเราได้
-
บริการ Door to Door: การขนส่งจากโรงงานที่จีน ส่งถึงมือลูกค้าในไทย ลดความยุ่งยากในการจัดการสินค้าของเรา
-
การติดตามสถานะการขนส่ง: การมีระบบติดตามสถานะการขนส่งที่เชื่อถือได้ ช่วยให้เราสามารถตรวจสอบสินค้าของเราว่าอยู่ที่ไหน และจะมาถึงเมื่อไหร่
3.เครือข่ายที่แข็งแกร่งในต่างประเทศ
-
มีเอเจนต์ในประเทศผู้ผลิตเยอะ: เช่น มีเอเจนต์หลายรายในจีน จะช่วยให้เรามีตัวเลือกประเภทการขนส่ง ระยะเวลาที่ใช้ และราคาคุ้มค่าได้มากขึ้น
-
ความสัมพันธ์แน่นแฟ้น: เอเจนต์ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับสายเรือหรือสายการบินสามารถให้ราคาที่ดีกว่าหรือช่วยแก้ปัญหาเมื่อเกิดข้อผิดพลาดได้เร็ว
4.ความสามารถในการจัดการเอกสาร
-
ความละเอียด: เอกสารการขนส่งต้องละเอียดและถูกต้อง เพื่อลดความเสี่ยงที่สินค้าอาจติดอยู่ที่ศุลกากร Freight Forwarder ที่มีประสบการณ์ในการจัดการเอกสารทั้งฝั่งจีนและไทยจะช่วยลดความเสี่ยงนี้
-
ความรวดเร็วในการแก้ปัญหา: บางครั้งเอกสารอาจมีความผิดพลาด บริษัทที่แก้ปัญหาเอกสารได้เร็วจะช่วยให้กระบวนการไม่ติดขัดอยู่ที่ขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง
5.การสื่อสารและการบริการลูกค้า
-
ภาษาท้องถิ่น: การสื่อสารภาษาจีนได้คือข้อได้เปรียบ เพราะสามารถแก้ปัญหากับโรงงานหรือเอเจนต์จีนได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านล่าม ทำให้การสื่อสารชัดเจนขึ้น
-
การอัพเดตข้อมูล: Freight Forwarder ที่ดีควรส่งอัพเดตข้อมูลให้เรารู้ตลอดเวลา เกี่ยวกับสถานะของสินค้า
-
ความใส่ใจ: การบริการที่ดีไม่ได้อยู่ที่การส่งสินค้าอย่างเดียว แต่ควรรวมถึงการใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วย เช่น การแจ้งเตือนก่อนสินค้ามาถึงเพื่อเตรียมพื้นที่รับของ
-
ความรวดเร็วในการตอบสนอง: เมื่อเกิดปัญหา การมี Freight Forwarder ที่ตอบสนองรวดเร็วช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
6.ความโปร่งใสและความซื่อสัตย์
-
ความโปร่งใสในราคา: ผู้ประกอบการควรเลือก Freight Forwarder ที่มีความโปร่งใสในการคิดค่าบริการ ไม่มีการบวกเพิ่มโดยไม่ชอบธรรม แน่นอนว่าการตั้งราคาของ Freight Forwarder นั้นควบคุมและตรวจเช็คยาก ดังนั้นต้องอ่านใบเสนอราคาให้ละเอียด เพราะเค้าสามารถบวกราคาได้ทุกรายการ
-
ความซื่อสัตย์ในการทำงาน: ความไว้วางใจในการทำงานเป็นสิ่งสำคัญ ควรเลือก Freight Forwarder ที่มีชื่อเสียงด้านความซื่อสัตย์ สามารถขอดูผลงานย้อนหลัง และโทรไปสอบถามความพึงพอใจกับลูกค้าเจ้านั้นได้ ป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อการสร้างภาพในโลกออนไลน์ เจ้าไหนที่มีความรับผิดชอบดี ราคาอาจจะสูงกว่าหน่อย แต่อย่าลืมว่าการค้าขายของเราต้องการความแน่นอนและเติบโตระยะยาว
ข้อควรระวัง: ถูกกฏหมายเป็นสำคัญ หลีกเลี่ยง Freight Forwarder เถื่อน
-
สายขาว-สายเทา: ราคาถูกเกินไปต้องระวัง เจอ Freight Forwarder ที่เสนอราคาถูกจนน่าสงสัย ต้องระวังให้ดีค่ะ เพราะบางเจ้าใช้วิธี “สายเทา” ที่อาจทำให้เราเสี่ยงต่อการโดนย้อนหลังได้ มีหลายเคสที่ลูกค้าโดนคดีเพราะ Freight Forwarder ไม่ทำตามกฎหมาย แต่สุดท้ายผลร้ายตกอยู่ที่เราเต็ม ๆ
-
ไม่สนกฏหมายไม่ได้: ถ้าให้ทางเราแนะนำ ก็ขอบอกว่า เจ้าหน้าที่รัฐไม่ใช่ไม่เห็นหรือไม่รู้ วันใดสายเทาผลประโยชน์ไม่ลงตัววันนั้นกจะถึงคิวของคุณค่ะ เจ้าไหนถูกเวอร์ ๆ ง่ายแปลก ๆ ทะลุทะลวงทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย เช่น หากสินค้ามีส่วนประกอบที่ต้องสำแดงแจ้งกับหน่วยงาน แต่ Freight Forwarder บอกว่า “ไม่ต้องสำแดง” ควรระวังทันที
เข้าใจว่าผู้นำเข้าไม่ได้มีความรู้รอบด้าน แต่ใด ๆ ก็เลี่ยงว่าไม่รู้กฏหมายไม่ได้นะคะ คุณอาจจะตกเป็นเหยือ Freight Forwarder เถื่อนได้ ถ้าไม่มั่นใจจริง ๆ เดี๋ยวนี้ Ai Chat ส่วนใหญ่ตอบเรื่องเหล่านี้ได้ดีพอสมควรแล้วค่ะ -
อ่านเงื่อนไขให้ดี: ระวังถ้าเจอ LCL ราคาถูก ๆ เก้าบาท สิบเก้าบาท ให้ลองไปอ่านหน้าเงื่อนไขของเจ้านั้น จะพบว่าบางเจ้ามีเงื่อนไขซ่อนเร้น เค้าเขียนเงื่อนไขที่เค้ารอดแต่เราไม่รอด ให้ระวังไว้มาก ๆ ค่ะ
ทดลองใช้บริการก่อนตัดสินใจ
ลองเริ่มต้นด้วยการใช้บริการสักครั้ง เพื่อดูว่าบริษัทนั้น ๆ มีประสิทธิภาพและตรงกับความต้องการของธุรกิจของคุณหรือไม่ เช่น การจัดการเอกสาร ความเร็ว และการบริการหลังการขาย แล้วก็ควรเลือกจากที่มีรีวิวดี ๆ มาทดลองด้วย อย่างน้อยก็มั่นใจได้ระดับหนึ่งว่ามีความน่าเชื่อถือ
สรุป: การเลือก Freight Forwarder ที่เหมาะสมคือการลงทุนที่คุ้มค่า
จากประสบการณ์ 10 ปีในสายงานนี้ LIN พบว่าการเลือก Freight Forwarder ที่ดีไม่ใช่แค่เรื่องของราคาที่ถูกที่สุด แต่คือความสะดวก เพิ่มความน่าเชื่อถือ ช่วยให้การทำธุรกิจราบรื่นและลดความเสี่ยงระยะยาวค่ะ หวังว่าคำแนะนำนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ ได้พบกับ Freight Forwarder มืออาชีพ และประสบความสำเร็จในธุรกิจของตัวเองนะคะ 😊