ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และกลยุทธ์สู่อนาคตอันมั่นคง
การค้าต่างประเทศและการลงทุนขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนในปี 2568
ในปี 2567 เศรษฐกิจจีนได้สร้างความประหลาดใจด้วยการเติบโตที่เกินความคาดหมาย โดยมีภาคการค้าต่างประเทศและการลงทุนเป็นหัวใจสำคัญที่ผลักดันให้เกิดความสำเร็จนี้ ท่ามกลางความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน จีนยังคงแสดงถึงความแข็งแกร่งและศักยภาพอันมหาศาล
Baolabee เว็บไซต์ที่รวบรวมโรงงานจีนไว้มากที่สุดในประเทศไทยจะพาคุณไปเจาะลึกถึงความสำเร็จของการค้าระหว่างประเทศ การดึงดูดเงินทุนต่างชาติ และการขยายตัวสู่ตลาดโลก พร้อมทั้งวิเคราะห์แนวโน้มและกลยุทธ์สำหรับอนาคตในปี 2568 ที่จะช่วยให้จีนรักษาความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจระดับโลก
ความสำเร็จของการค้าต่างประเทศ: ตัวเลขและพลังขับเคลื่อน
มูลค่าการค้าทำสถิติใหม่: มูลค่าการค้ารวมของสินค้าทั้งการส่งออกและนำเข้าในปี 2567 สูงถึง 43.85 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 6.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการปรับตัวและความยืดหยุ่นของระบบการค้าจีน
การนำเข้าเติบโตสูงสุด: การนำเข้าเพิ่มขึ้น 2.3% สร้างสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ และรักษาตำแหน่งประเทศผู้นำเข้าอันดับสองของโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 แสดงถึงความต้องการสินค้าจากต่างชาติที่เพิ่มขึ้นในตลาดจีน
การท่องเที่ยวเป็นจุดเด่น: นางหลี่ หย่งซวน รองผู้แทนเจรจาการค้าระหว่างประเทศของกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า นโยบาย免签 (miǎn qiān – ยกเว้นวีซ่า) ได้จุดกระแส “การท่องเที่ยวจีน” ให้ร้อนแรง โดยการส่งออกบริการท่องเที่ยวเติบโตถึง 1.5 เท่า และคาดว่าการค้าบริการทั้งปีจะทำสถิติสูงสุดใหม่
การค้าบริการเติบโต: นอกเหนือจากการค้าสินค้า การค้าบริการ เช่น การท่องเที่ยวและเทคโนโลยีดิจิทัล กลายเป็นพลังขับเคลื่อนใหม่ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับเศรษฐกิจจีน
การลงทุนจากต่างชาติ: โครงสร้างที่แข็งแกร่งขึ้น
การตั้งกิจการใหม่เพิ่มขึ้น: ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2567 มีการจัดตั้งกิจการต่างชาติใหม่ถึง 52,000 แห่ง ดึงดูดเงินลงทุนได้ 749,700 ล้านหยวน (ประมาณ 105 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
นโยบายผ่อนคลาย: การยกเลิกข้อจำกัดการเข้าถึงตลาดในภาคการผลิตและการขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งคิดเป็น 11% ของการลงทุนทั้งหมด แสดงถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาเศรษฐกิจคุณภาพสูง
การเปิดกว้างสาขาใหม่: การทดลองเปิดเสรีในสาขาโทรคมนาคม การแพทย์ และการศึกษา ดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติ โดยมีหลายโครงการอยู่ในขั้นตอนการเจรจาและเริ่มดำเนินการ
ความท้าทายใหม่ ๆ: ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ซึ่งยิ่งตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของนโยบายการลงทุนของจีน
นโยบายสนับสนุน: รากฐานของความสำเร็จและการเตรียมพร้อมสำหรับปี 2568
ความท้าทายที่รออยู่: นายเมิ่ง เยว่ (Meng Wei) ผู้รับผิดชอบกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ในปี 2568 เศรษฐกิจโลกจะเผชิญกับการขาดพลังขับเคลื่อน ลัทธิฝ่ายเดียวและการปกป้องการค้าเพิ่มสูงขึ้น อุปสรรคทางการค้าและความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์จะกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน
ความเสี่ยงต่อการส่งออก: นายจง เจิ้งเซิง (Zhong Zhengsheng) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ด้านหลักทรัพย์ วิเคราะห์ว่าการส่งออกของจีนอาจเผชิญทั้งความท้าทายด้านปริมาณและส่วนแบ่งตลาด โดยเฉพาะจากวงจรเซมิคอนดักเตอร์ที่เปลี่ยนแปลงและกำแพงการค้าจากสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้ความต้องการทั่วโลกลดลง
โอกาสที่ยังคงเปิดกว้าง: องค์การการค้าโลก (WTO) คาดการณ์ว่าปริมาณการค้าสินค้าทั่วโลกจะเติบโต 3% ในปี 2568 เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ด้วยนโยบายผสมผสานที่ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในสังคม พลังขับเคลื่อนใหม่ เช่น การค้าสีเขียว (Green Trade) และการค้าดิจิทัล (Digital Trade) กำลังเร่งตัวขึ้น
กลยุทธ์ของกระทรวงพาณิชย์: นายเมิ่ง เยว่ เน้นย้ำว่า ในปี 2568 จีนจะเดินหน้าขยายการเปิดกว้างระดับสูง โดยมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพสูงและการรักษาการเติบโตของการค้าต่างประเทศให้มั่นคง

“ดึงดูดเข้ามา” และ “ก้าวออกไป”: กลยุทธ์สองทิศทางเพื่อความยั่งยืน
การดึงดูดการลงทุน: บทบาทของกิจการต่างชาติ: นายเทา ขวงชุน (Tao Kuangchun) สมาชิกสภาปรึกษาการเมืองกรุงปักกิ่งและประธานเคพีเอ็มจี (KPMG) ประจำเอเชียแปซิฟิก ระบุว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) เป็นสะพานเชื่อมโยงวงจรภายในและระหว่างประเทศ แต่กำลังอยู่ในช่วงปรับตัวจากเติบโตสูง
มาตรการกระตุ้น: กระทรวงพาณิชย์จัดงาน “Invest in China” 28 ครั้ง ทั้งในและนอกประเทศ และจัดการประชุมโต๊ะกลมกับต่างชาติ 15 ครั้ง เพื่อแก้ไขปัญหากว่า 300 รายการ เช่น การขอใบอนุญาตและการจัดซื้อของภาครัฐ
แผนอนาคต: ในปี 2568 จะมีการยกระดับการบริการกิจการต่างชาติ โดยใช้กลไกประชุมโต๊ะกลมอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาและเพิ่มความเชื่อมั่น
การลงทุนกับต่างประเทศ: ใน 11 เดือนแรก การลงทุนโดยตรงที่ไม่ใช่ด้านการเงินอยู่ที่ 915,200 ล้านหยวน (ประมาณ 128 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) โต 12.4% และสัญญาโครงการรับเหมาก่อสร้างใหม่มีมูลค่า 1.4 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 196 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) โต 13%
ความร่วมมือ: การพัฒนาความร่วมมือในด้านดิจิทัล และเศรษฐกิจสีน้ำเงิน (Blue Economy: แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานการใช้ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน) กลายเป็นจุดเด่นที่ช่วยยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ
แนวโน้มกิจการในจีน: รายงานจากเคพีเอ็มจี (KPMG) “China CEO Outlook” เผยว่า 69% ของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีมีแผนหรือกำลังขยายธุรกิจออกนอกประเทศ โดยเน้นสาขาเทคโนโลยีสูง พลังงานใหม่ และเศรษฐกิจดิจิทัล
วิเคราะห์จุดอ่อนและข้อเสนอเชิงกลยุทธ์
จุดอ่อนของกิจการเอกชน: นายเทา ขวงชุน ชี้ว่า การขยายตัวสู่ต่างแดนของเอกชนยังขาดความหลากหลาย โดยเฉพาะที่ปักกิ่ง ซึ่งรัฐวิสาหกิจมีบทบาทเด่น แต่เอกชนยังระมัดระวังและเน้นลงทุนในสาขาดั้งเดิม
ข้อเสนอเพื่อการเติบโต:
ศูนย์สนับสนุนการออก: สร้าง “ศูนย์เริ่มต้นกิจการในต่างแดน” โดยรวมทีมที่ปรึกษามืออาชีพกับทรัพยากรคุณภาพระดับโลก เพื่อให้คำแนะนำและสนับสนุนอย่างครบวงจร
โครงการ “ผู้นำ”: คัดเลือกกิจการที่มีศักยภาพเป็น “ผู้นำ” ออกนโยบายเฉพาะตัว (หนึ่งองค์กร หนึ่งนโยบาย) ส่งเสริมให้ตั้งเครือข่ายการขาย ศูนย์โลจิสติกส์ คลังสินค้าในต่างแดน และสร้างห่วงโซ่อุปทานที่สอดคล้องกับท้องถิ่น
การขยายตัวเป็นกลุ่ม: สนับสนุนกิจการในห่วงโซ่อุตสาหกรรมให้ “ก้าวออกไป” ร่วมกัน สร้างระบบนิเวศการขยายตัวที่แข็งแกร่ง โดยมีกิจการชั้นนำเป็นตัวอย่างในการขับเคลื่อนองค์กร
การพัฒนาทักษะ: จัดอบรมเพื่อเพิ่มประสบการณ์การบริหารจัดการในระดับสากลให้กับเอกชน เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
สรุป: จีนในฐานะผู้นำเศรษฐกิจโลกในอนาคต
จุดแข็งที่โดดเด่น: ด้วยตลาดขนาดใหญ่ นโยบายเปิดกว้างระดับสูง และโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จีนยังคงเป็นจุดหมายที่น่าสนใจสำหรับการค้าและการลงทุนทั่วโลก
กลยุทธ์สำหรับปี 2568: การมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพสูง การรักษาการเติบโตที่มั่นคง และการสร้างสมดุลระหว่าง “ดึงดูดเข้ามา” และ “ก้าวออกไป” จะเป็นกุญแจสำคัญในการฝ่าฟันความท้าทาย เช่น กำแพงการค้าและความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
อนาคตที่สดใส: การผสานนโยบายที่ชาญฉลาดเข้ากับศักยภาพของ企業 (ชี้อี๋ – บริษัทหรือองค์กรธุรกิจ) จีน จะช่วยให้จีนไม่เพียงรักษาความเป็นผู้นำ แต่ยังยกระดับอิทธิพลทางเศรษฐกิจในเวทีโลกได้อย่างยั่งยืน
โรงงานจีน: แรงขับเคลื่อนสำคัญในห่วงโซ่อุปทานโลก
โรงงานจีนยังคงเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจจีนและห่วงโซ่อุปทานโลก โดยเฉพาะในช่วงที่จีนมุ่งเน้นการขยายความต้องการภายในประเทศ โรงงานจีนได้ปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อนโยบายใหม่ ๆ ของรัฐบาล เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการลงทุนในเทคโนโลยีสมัยใหม่
การปรับตัวของโรงงานจีน: โรงงานจีนหลายแห่งได้ลงทุนในเทคโนโลยีอัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมสมัยใหม่
การสนับสนุนจากรัฐบาล: รัฐบาลจีนได้ออกนโยบายสนับสนุนโรงงานจีนในการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล โดยเฉพาะในด้านพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีสีเขียว ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
การลงทุนในโรงงานจีน: ในปี 2567 การลงทุนในโรงงานจีนเพิ่มขึ้น 9.2% สูงกว่าค่าเฉลี่ยการลงทุนทั้งหมด 6.0 จุด แสดงถึงบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมและนวัตกรรม
การส่งออกจากโรงงานจีน: โรงงานจีนยังคงเป็นผู้ส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก โดยเฉพาะในสาขาเทคโนโลยีและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจจีนในเวทีโลก
อนาคตของโรงงานจีน: ด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลและการลงทุนในเทคโนโลยีสมัยใหม่ โรงงานจีนมีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโลกในอนาคต
💹การค้าต่างประเทศและการลงทุนของจีนในปี 2567 และ 2568 แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนสู่ความมั่นคงและยั่งยืน ด้วยการผสานนโยบายที่ชาญฉลาดเข้ากับศักยภาพของ企業 (ชี้อี๋ – บริษัทหรือองค์กรธุรกิจ) และโรงงานจีน จีนยังคงเป็นจุดหมายที่น่าสนใจสำหรับการค้าและการลงทุนทั่วโลก และพร้อมที่จะรักษาความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจในอนาคต