Text Color

มาตรการ Food Safety: ความมุ่งมั่นเพื่อยกระดับผลไม้ไทย

วิเคราะห์กลยุทธ์ Food Safety ของไทยและแนวโน้มการนำเข้าผลไม้ของจีน พร้อมเจาะปัจจัยความสำเร็จและความเสี่ยงที่ต้องจับตา

มาตรการ Food Safety: ความมุ่งมั่นเพื่อยกระดับผลไม้ไทย

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผลไม้ไทย โดยเฉพาะทุเรียน มังคุด ลำไย และมะม่วง ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ด้วยความพยายามของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการยกระดับคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าเกษตร (Food Safety) ประเทศไทยกำลังเดินหน้าสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดผลไม้โลก บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงมาตรการล่าสุดของรัฐบาลไทย รวมถึงวิเคราะห์แนวโน้มและปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการนำเข้าผลไม้ไทยของจีนในอนาคต

วันที่ 28 เมษายน 2568 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ได้เปิดเผยมาตรการเร่งด่วนเพื่อยกระดับมาตรฐานสุขอนามัยและความปลอดภัยของผลไม้ไทย โดยเฉพาะสำหรับตลาดจีน ซึ่งยังคงเป็นคู่ค้าหลักอันดับหนึ่งของไทยในหมวดผลไม้เมืองร้อน

มาตรการเด่นประกอบด้วย:

  • รายชื่อโรงคัดบรรจุผลไม้ (ล้ง) ที่ผ่านมาตรฐานส่งให้ทางการจีนตรวจสอบ 307 แห่ง

  • แผนบริหารผลไม้ 122,500 ตัน (เม.ย.-มิ.ย. 2568) ครอบคลุมการควบคุมคุณภาพ การจัดการน้ำ และการสื่อสารกับเกษตรกรเรื่อง Climate Change

  • สนับสนุนค่าขนส่งและบรรจุภัณฑ์ 200,000 ชิ้น ผ่านความร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยและภาคเอกชน

  • จัดงาน Thai Fruits Festival เพื่อส่งเสริมการบริโภคภายในและระบายผลผลิตส่วนเกิน


สถานการณ์ผลผลิตปี 2568: โอกาสท่ามกลางความท้าทาย

ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการเกษตรระบุว่า ปี 2568 ผลผลิตผลไม้ไทยในภาคตะวันออก (ระยอง จันทบุรี ตราด) และภาคใต้ (14 จังหวัด) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยและการฟื้นตัวของต้นไม้หลังจากได้รับผลกระทบจากเอลนีโญในปีก่อนหน้า:

  • ภาคตะวันออก: ผลผลิตทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง รวม 1,298,482 ตัน เพิ่มขึ้น 29.95% จากปี 2567 โดยผลผลิตส่วนใหญ่จะออกสู่ตลาดในเดือนพฤษภาคม 2568 (คิดเป็น 40.87% ของทั้งปี)

  • ภาคใต้: ผลผลิตทั้ง 4 ชนิดรวม 923,250 ตัน เพิ่มขึ้น 29.60% จากปี 2567 โดยมีผลผลิตสูงสุดในเดือนสิงหาคม 2568 (27.12% ของทั้งปี)

ความท้าทายยังคงอยู่:

  • ฝนต้นปีส่งผลให้ผลอ่อนร่วง

  • ความเสี่ยงจากภัยแล้งและพายุฤดูร้อน

  • จำเป็นต้องบริหารจัดการน้ำและคุณภาพให้สม่ำเสมอ 


แนวโน้มการนำเข้าผลไม้ไทยของจีน

แนวโน้มการนำเข้าผลไม้ไทยของจีน: สนับสนุนหรือสะดุด?

จีนเป็นตลาดส่งออกผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดของไทย โดยเฉพาะทุเรียน ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกไปจีนสูงถึง 1.2 แสนล้านบาทในปี 2567 (ข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร) คำถามสำคัญคือ จีนจะยังคงนำเข้าผลไม้จากไทยในปริมาณมากต่อไปหรือไม่ และปัจจัยใดบ้างที่อาจส่งผลต่อความเป็นไปได้นี้

ปัจจัยสนับสนุน:

1.      ความต้องการในจีนยังสูง – ความนิยมในผลไม้เมืองร้อน เช่น ทุเรียน มังคุด เป็นที่นิยมในกลุ่มชนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อ โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์ม E-commerce เช่น JD.com และ Tmall ยังช่วยเพิ่มช่องทางการเข้าถึงผลไม้ไทยในเมืองรองของจีน

2.      มาตรฐาน Food Safety ไทยเข้มขึ้น – การที่ไทยเร่งยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยอาหารและส่งรายชื่อล้งที่ได้มาตรฐานไปให้จีนตรวจสอบ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้า

3.      FTA ไทย-จีน – ข้อตกลงการค้าและความสัมพันธ์ทวิภาคี ลดภาษีนำเข้า และเร่งกระบวนการศุลกากร ช่วยอำนวยความสะดวกในการส่งออกผลไม้ไทยไปยังจีน

4.      กลยุทธ์ในประเทศลดแรงกดดันผลผลิตล้นตลาด – ไทยมีกลยุทธ์กระตุ้นการบริโภคผลไม้ในประเทศผ่านงานเทศกาลผลไม้ไทยและการขายออนไลน์

ปัจจัยเสี่ยง:

1.      คู่แข่งในภูมิภาค – เวียดนามและฟิลิปปินส์กำลังพัฒนาการปลูกทุเรียนและผลไม้เมืองร้อนเพื่อเจาะตลาดจีน ปลูกทุเรียนราคาต่ำ ใช้ FTA กับจีนเหมือนกัน หากไทยไม่สามารถรักษาคุณภาพและราคาที่แข่งขันได้ อาจสูญเสียส่วนแบ่งตลาด

2.      กฎระเบียบด้านสุขอนามัยจีนเข้มขึ้น – การตรวจหาสารตกค้าง, แมลง, การระงับนำเข้าหากล้งหรือสวนผลไม้ไทยบางแห่งไม่ผ่านมาตรฐาน อาจถูกระงับการส่งออกชั่วคราว ซึ่งจะกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่น

3.      ภัยธรรมชาติ – ภัยแล้ง-ฝนหนัก ทำให้ผลผลิตไม่สม่ำเสมอ

4.      นโยบายจีนสนับสนุนผลไม้ในประเทศ – จีนอาจเพิ่มการสนับสนุนการปลูกผลไม้ในประเทศ เช่น ทุเรียนไหหลำ หรือผลไม้เมืองหนาวในพื้นที่อื่น อาจลดการนำเข้าในระยะยาว


ความเป็นไปได้ในอนาคต: ต้องรุกเชิงคุณภาพ

ความเป็นไปได้ในอนาคต: ส่งออกผลไม้ไทย

จากข้อมูลและการวิเคราะห์ข้างต้น มีความเป็นไปได้สูงที่จีนจะยังคงนำเข้าผลไม้จากไทยในระยะ 3–5 ปี ความต้องการผลไม้ไทยในจีนยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ไทยต้องเร่งปรับตัวในด้าน:

  • นวัตกรรมการเกษตร: เช่น การลดสารเคมี, การพัฒนาพันธุ์ที่ทนสภาพอากาศ

  • Branding: โปรโมตผลไม้ไทย เช่น ทุเรียนหมอนทอง มังคุดใต้ ผ่านแคมเปญการตลาดที่ชัดเจนและงานแสดงสินค้า จะช่วยเพิ่มมูลค่าและความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) ในหมู่ผู้บริโภคจีนได้เช่นกัน 

  • การกระจายตลาด: เพิ่มตลาดรองในจีน และขยายสู่อาเซียน-ตะวันออกกลาง


โอกาสยังมี แต่ต้องรักษาคุณภาพและความน่าเชื่อถือ

การที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ผลักดันมาตรการ Food Safety และบริหารจัดการผลไม้อย่างครบวงจรในปี 2568 แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของไทยในการรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดผลไม้โลก โดยเฉพาะในจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง ด้วยผลผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในทั้งภาคตะวันออกและภาคใต้ ประกอบกับกลยุทธ์การจัดการที่รอบคอบ ไทยมีโอกาสที่ดีในการตอบสนองความต้องการของจีน

ขณะที่ปัจจัยภายนอก เช่น คู่แข่งและสภาพอากาศ ยังคงเป็นความเสี่ยงที่ต้องบริหารอย่างรอบคอบ การลงทุนในเทคโนโลยี การจัดการน้ำ การสื่อสารแบรนด์ และการรักษาความสัมพันธ์ทวิภาคี จะเป็นกุญแจที่ช่วยให้ไทยรักษาตลาดจีนในระยะยาว


แหล่งข้อมูล:

  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

  • Topnews, Thairath, Infoquest (เม.ย. 2568)

  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 

Lin ZongcaiL
WRITTEN BY

Lin Zongcai

Lin จบจาก Beijing Jingmao (Beijing) และเคยเป็นสตีมเมอร์ชื่อดังที่ twitch.tv มี Fc ทั้งไทย จีน ฝรั่งเศส ไต้หวัน ปัจจุบันเป็นเจ้าของบริษัทที่ปรึกษาการค้าระหว่างประเทศ มาช่วยทำบทความที่นี่เพราะต้องการแชร์ประสบการณ์ดี ๆ ให้กับคนรุ่นใหม่ให้ประสบความสำเร็จค่ะ

Related posts

ประเภทสินค้า


logo

โซเชียลมีเดีย

Facebook

Youtube

Douyin


© สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2568 บริษัท บาลาบี มิลกี้เวย์ จำกัด