ในโลกที่เศรษฐกิจเชื่อมโยงกันแน่นแฟ้น การเคลื่อนไหวของประเทศยักษ์ใหญ่อย่างจีนและสหรัฐฯ ย่อมส่งผลสะเทือนวงกว้างค่ะ โดยเฉพาะเมื่อสองประเทศนี้ต้องเผชิญหน้ากันในสนามรบเศรษฐกิจ ผ่านทั้งการขึ้นภาษีและสงครามค่าเงินที่ดุเดือด
สงครามการค้า: จุดเริ่มต้นของการปะทะ
เมื่อโลกเตรียมเข้าสู่ปี 2025 สหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เตรียมขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนถึง 60%-200% ซึ่งถือว่าเป็นมาตรการกีดกันทางการค้าที่แรงสุดในรอบหลายปีเลยค่ะ การขึ้นภาษีทำให้สินค้าจีนที่ส่งไปขายในสหรัฐฯ มีราคาสูงขึ้นมาก ส่งผลให้จีนต้องงัด “ค่าเงินหยวน” มาใช้เป็นอาวุธสำคัญ
ลดค่าเงินหยวน: กลยุทธ์ที่คุ้นเคย
จีนเลือกที่จะลดค่าเงินหยวนลง โดยมีการคาดการณ์ว่าค่าเงินหยวนในปี 2025 อาจลดลงถึง 7.5 หยวนต่อดอลลาร์ ซึ่งถือว่าลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปี 2018 ค่ะ การลดค่าเงินช่วยให้สินค้าจีนยังคงราคาถูกและแข่งขันในตลาดโลกได้ แม้ว่าสหรัฐฯ จะตั้งกำแพงภาษีสูงแค่ไหน
ข้อดีและข้อเสียของการลดค่าเงินหยวน
แม้ว่าการลดค่าเงินหยวนจะช่วยให้จีนส่งออกสินค้าได้มากขึ้น แต่กลับทำให้การนำเข้าสินค้าบางประเภท เช่น อาหารและเทคโนโลยี มีต้นทุนสูงขึ้นค่ะ อย่างไรก็ตาม จีนก็มีข้อได้เปรียบในเรื่องพลังงาน เพราะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัสเซียที่จัดหาพลังงานราคาถูกให้
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
สงครามค่าเงินระหว่างจีนและสหรัฐฯ ไม่ได้กระทบแค่สองประเทศนี้นะคะ แต่ยังลามไปถึงเศรษฐกิจโลกเลยค่ะ ประเทศที่พึ่งพาการส่งออกต้องเจอกับการแข่งขันที่หนักหน่วงจากสินค้าจีนราคาถูก ขณะเดียวกัน การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ก็ทำให้หลายประเทศที่มีหนี้ในสกุลดอลลาร์ได้รับแรงกดดันเพิ่มขึ้น
การปรับตัวของจีนและสหรัฐฯ
เพื่อรองรับผลกระทบจากการลดค่าเงินหยวน จีนได้ออกนโยบายลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกระตุ้นการลงทุน พร้อมทั้งสนับสนุนเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจขนาดเล็กค่ะ ส่วนทางสหรัฐฯ ก็ต้องเผชิญกับเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางต้องปรับลดดอกเบี้ยเพื่อลดแรงกดดัน
บทสรุป: โอกาสและการเตรียมตัวสำหรับผู้นำเข้าสินค้าจากจีน
การลดค่าเงินหยวนของจีนถือเป็นโอกาสดีสำหรับผู้นำเข้าสินค้าในปีหน้าเลยค่ะ เพราะต้นทุนสินค้าจีนจะลดลง ทำให้สามารถแข่งขันด้านราคาได้ดีขึ้น
ประโยชน์ที่อาจได้รับ:
-
ราคาสินค้าจีนถูกลง ช่วยเพิ่มกำไรและขยายตลาด
-
สินค้าส่งออกจากไทยก็อาจได้เปรียบด้านราคามากขึ้นค่ะ
สิ่งที่ต้องเตรียมพร้อม:
-
วางแผนเผื่อความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
-
เลือกซัพพลายเออร์ที่ให้ราคาคงที่และเหมาะสม
-
ประเมินผลกระทบจากต้นทุนการขนส่งหรือสินค้าที่มาจากแหล่งอื่น
สงครามค่าเงินและการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ คงจะดำเนินต่อไปในระยะยาวนะคะ การติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและปรับตัวตามเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ประกอบการและนักลงทุนค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ!
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนเห็นภาพรวมของสถานการณ์และวางแผนการทำธุรกิจได้ดีขึ้นค่ะ 😊
ความคิดเห็น (0 )